The Dolls สงครามตุ๊กตาแห่งพระเจ้า
ตุ๊กตาสังหารไร้จิตใจ.. พระเจ้าตัวปลอมจอมหลอกลวง.. เทวทูตแห่งการทำลายผู้ชั่วช้า.. และราชันย์ปริศนาที่ยังเร้นกาย.. มันคือปฐมบทของตำนานที่กลายมาเป็นชนวนของสงคราม สร้างหรือทำลายคือทางที่ต้องเลือกเดิน!
ผู้เข้าชมรวม
3,795
ผู้เข้าชมเดือนนี้
89
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
The Dolls
ภาค ตุ๊กตาสังหาร
เมื่อโลกดำเนินมาถึงยุคของสงครามอีกครั้ง การฟาดฟันกับศัตรูจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ทว่า ถ้าศัตรูที่แท้จริงยังไม่ยอมเผยโฉม ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
ปล่อยให้มนุษย์ผู้โง่เขลาเข้าห้ำหั่นกันเอง
เสียงร้องครวญคราง หยาดน้ำตาไหลริน และธารเลือดที่ไม่มีวันแห้งเหือด
จะก่อกำเนิดเป็นสงครามครั้งต่อไปอย่างไม่มีจบสิ้น
ดังนั้นเขา...ที่ถูกพวกมันดึงลงสู่ความมืดมิดจึงขอกลับเข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง เพื่อลากพวกมันทุกตัวลงนรกไปพร้อมกัน!
กระดานหมากรุกถูกเตรียมพร้อม...ยามที่หมากสีขาวและสีดำถูกวางลง
เมื่อนั้นบันทึกบทสุดท้ายจะเริ่มต้น...
27/06/2010 - 4/12/2010
rewrite : 22/05/2016 - 24/5/2517
ภาค
พระเจ้าจอมปลอม
หลังจากสงครามระหว่างเอิร์ลเนสและโคเลนอสปิดฉากลง
ดอลล์...ได้เป็นที่รู้จัก และสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วโลก
การพิพากษาครั้งสุดท้ายของพวกเขาจะนำพาโลกไปสู่ทิศทางใด!?
แล้วชะตากรรมของเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะถูกพัดพาไปยังจุดหมายใดอีก!?
ทว่าในขณะที่สงครามระหว่างมนุษย์และดอลล์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ความจริงในอดีตกลับปรากฎ
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และผลลัพธ์ที่ออกมา ใครกันจะเป็นผู้รับผิดชอบ
หรือจะเป็น 'พระเจ้า' ...ที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด!?
7/12/2010 - 31/05/2011
rewrite : 25/05/2017 - now
<<My Banner>>
ผลงานอื่นๆ ของ Ellab ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ellab
"company criticizes for develop บริษัทวิจารณ์เพื่อพัฒนาจำกัด"
(แจ้งลบ)โครงเรื่อง [ 8/10] เกรงว่าผมต้องบอกว่าโครงเรื่องค่อนข้างซ้ำซาก ตัวเอก โรงเรียน พลังวิเศษ(คาร์ แม้ไม่ใช่แต่คล้าย ๆ เน็น ใน hunterX ต่างคนมีสายของตัวเอง) ใช้ในการทดสอบซึ่งกันและกัน ประลองกัน ฝึกฝนเพิ่มพลัง มันเป็นโครงเรื่องที่หลาย ๆ เรื่องแนวแฟนตาซียึดไว้เป็นแกนหลักครับ อันนี้ไม่ใช่ไม่ดี มันอยู่ในสายหลักของเนื้อเรื่องแนวนี้ มันทำให้ผู้อ่านรู้ว่าจะเจ ... อ่านเพิ่มเติม
โครงเรื่อง [ 8/10] เกรงว่าผมต้องบอกว่าโครงเรื่องค่อนข้างซ้ำซาก ตัวเอก โรงเรียน พลังวิเศษ(คาร์ แม้ไม่ใช่แต่คล้าย ๆ เน็น ใน hunterX ต่างคนมีสายของตัวเอง) ใช้ในการทดสอบซึ่งกันและกัน ประลองกัน ฝึกฝนเพิ่มพลัง มันเป็นโครงเรื่องที่หลาย ๆ เรื่องแนวแฟนตาซียึดไว้เป็นแกนหลักครับ อันนี้ไม่ใช่ไม่ดี มันอยู่ในสายหลักของเนื้อเรื่องแนวนี้ มันทำให้ผู้อ่านรู้ว่าจะเจออะไร แต่ก็ตัดจุดขายของนิยายไปด้วยครับ ประการนี้ไม่มีหักคะแนน แต่อยากแจ้งให้ทราบไว้เพื่อพัฒนาต่อไปครับ ผมยังไม่เห็นพล็อตหลัก ๆ ของเรื่องจากตอนทั้ง 11 ที่โพสเอาไว้นะครับ คาดว่าต่อไปเรื่องยุ่ง ๆ ระดับโลกของแพนโดร่าจะต้องเกี่ยวโยงกับตัวเอกอย่างมาก แต่ตอนนี้เห็นแต่ส่วนโหมโรง (นิทานของผู้มาเยือนแบบไม่ได้รับเชิญ) เท่านั้นเอง ดังนั้นเนื้อเรื่องยังบอกอะไรมากไม่ได้ แต่คิดว่าพอเดาได้ครับ กระนั้น เลย ตอนนี้ยังยากที่จะบอก แต่โครงเรื่องดูไม่เร้าใจเท่าที่ควรครับ โปรดอ่านต่อที่ การดำเนินเรื่องครับ ตัวละคร [ 7/10] ตัวละครนั้น ผมไม่มีอะไรขัดใจเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดตรึงใจเป็นพิเศษครับ อันนี้ให้คะแนนยาก ผมขอจัดตรงนี้ว่าตัวเอกมีเสน่ทางด้านปูมหลังที่แม้ไม่ เปิดเผยมากนัก เช่น การฟูมฟักความสามารถของเขาเป็นต้น การที่อดีตของเขามีแผล เช่น ในโศกอนาตกรรมวันเกิด เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกผูกพันธ์กับตัวเอก มันทำให้สงสารได้ แต่ยังมีสิ่งเหล่านี้น้อยไป ผู้อ่านรู้สึก "ไม่รู้จัก" ตัวละครดีนัก ไม่เพียงตัวเอกเท่านั้นเพราะนิสัยของตัวละครไม่มีความหลากหลาย อยากให้มีพวกสุดขั้ว เช่น บ้อง ๆ บ้า ๆ หรือขรึมจนแทบเป็นใบ้ ออกมาเป็นครั้งคราวครับ จะช่วยแยกตัวละครออกจากกันและให้มิติชีวิตมากขึ้นครับ ฉาก สถานที่ เวลา [ 7/10] ฉากแนวแฟนตาซีอย่างเรื่องนี้เปิดกว้างมากครับ การใช้สัตว์เป็นพาหนะ เช่น ขี่มังกร จึงเป็นอะไรที่เยี่ยม แต่ต้องเตือนตัวเองให้ผู้คนใช้อยู่เสมอนะครับ ไม่ใช่กลาง ๆ เรื่องมีคนขี่รถโผล่ออกมา อันนี้จะทำให้อารมณ์ค้างนะครับ โลกของแพนโดร่า ฟังดูกว้างใหญ่ แต่ ณ จุดนี้ยังมองดูแบนไปหน่อย เมื่อเรื่องดำเนินไปคงจะมีมิติต่าง ๆ โผล่ออกมานะครับ อย่างเช่น สลัม ย่านคนร่ำรวยสุด ๆ ตลาดพ่อค้า อะไรทำนองนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างฉากกับ เรื่องไม่มีสิ่งใดติครับ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดตราตรึง มันเหมือนกับลุงคนขายเนื้อย่างไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากสังคมที่เป็นอยู่ การค้าเป็นปกติเหมือนโลกของเราทั้ง ๆ ที่โลกแพนโดร่ามีมังกรและมีคาร์ ถ้าจะให้คนทั่วไปมีส่วนกับลักษณะเอกลักษณ์ของแพนโดร่าจะดีขึ้นครับ เช่น ให้ลุงมีสูตรเนื้อเร่งคาร์ตำรับลับประจำร้านอะไรเช่นนี้ การดำเนิน เนื้อเรื่องและมุมมองการเล่าเรื่อง [ 8/10] มุมมองที่ใช้เป็นแบบบุคคลที่ สาม แต่แสดงออกถึงความรู้สึกของตัวละครด้วย จัดว่าเป็นวิธีเล่าเรื่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพกับเรื่องแต่งแนวแฟนตาซี เห็นว่าเหมาะสมแล้วครับ การดำเนินเรื่องคงต้องบอกว่ายังช้าไปสักหน่อย ครับ ต้องเข้าใจว่าเรื่องในแต่ละตอนค่อนข้างยาว และกว่าความตื่นเต้นน่าติดตามจะเกิดขึ้นก็เมื่อเอนมะต้องเข้าทดสอบ อันนี้กินเวลาหลายตอน (เกือบ 5 กว่าจะเห็นคาร์เป็นครั้งแรก) ตรงนี้เข้าใจว่าคนเขียนอยากจะสร้างภาพของครอบครัวของเอนมะก่อน แต่รู้สึกว่าน่าจะมีบางอย่างที่ทำให้น่าติดตาม เช่น สลับฉากไปที่ตัวแสบที่ลอบเข้าบ้านไปเล่านิทาน เพื่อให้เห็นว่าแผนการร้ายกำลังดำเนินไปใต้เงาของความสงบสุข เนื่องจากความไม่น่าติดตามในช่วงแรก ผมขอหัก 2 คะแนน หักเยอะเพราะส่งผลต่อความอยากอ่านต่อครับ ความสมเหตุสมผล [ 8/10] จัด ว่าสมเหตุผลพอควรครับ...เรียกว่าตามคาดดีกว่า ตัวเอกต้องเป็นอัจฉริยะด้านใดด้านหนึ่ง ในกรณีนี้คือการใช้คาร์ ใช้ครั้งแรกเป็นอันจับผู้ทดสอบได้เลย อันนี้เปิดแนวทางให้ตัวเอกเผชิญเรื่องร้าย ๆ ได้ในภายหน้า แต่อย่าให้ตัวเอกเก่งเร็วแบบไร้เหตุผลนะครับ มันจะน่าเบื่อ แล้วตัวละครแบบเก่ง เก่งจัด เก่งจัดมาก อภิมหาเก่งจัดมาก และขั้นสูงขึ้นไปอีกจะทะยอยออกมาถ้าพระเอกเก่งไม่มีหยุดยั้ง มันจะทำให้เรื่องน่าเบื่อครับ การใช้ชีวิตในโรงเรียนรู้สึกว่าพวกเด็ก ๆ ไม่ค่อยต้องเรียนอะไรสักเท่าไรเลยครับ ส่วนมากเป็นทดสอบไปเลย แม้จะเป็นการเรียนภาคปฏิบัติผมว่ามันน่าจะออกแนวการสอนขี่ไม้กวาดในแฮรี่พอ ตเตอร์มากกว่าการจับเด็กมาแข่งกันตั้งแต่หัววันนะครับ โดยเฉพาะเด็กใหม่จับกับรุ่นพี่ด้วย ในส่วนความเห็นว่าไม่สมเหตุผลนี้ขอไป 1 คะแนน บทสนทนา [ 8/10] บทสนทนาค่อนข้างโอเค แต่บางทีมีอะไรที่ไม่ค่อยจะเป็นคำพูดสักเท่าไร เช่น บทที่ 5 นั้น "เปล่านี่ครับ ผมได้นอนหลับอย่างเต็มที่" ผมว่าใช้ "เปล่านี่ครับ ผมหลับสนิทดี" อะไรแบบนี้ฟังลื่นหูกว่าครับ ภาษาสำนวน - การบรรยาย [12/20] การบรรยายนั้นเป็นอะไรที่ผมมึนพอสมควร ไม่ใช่ว่าบรรยายไม่ดีครับ มันคือการที่ บทสนทนา กับ บทบรรยาย ปนเปอยู่ใกล้ ๆ กันครับ มีหลายตอนมากที่ผมเห็นว่าน่าจะกดขึ้นบรรทัดใหม่เพื่อให้อ่านสะดวก อันนี้ขอตัดเยอะหน่อยนะครับ เพราะมันขัดใจเวลาอ่าน ขอไป 4 คะแนนครับ การ บรรยายฉากยังไม่แจ่มชัดครับ ขอยกตัวอย่างตอนเข้าร้านเนื้ออีกครั้งครับ การบรรยายบรรยากาศมีแค่ อึกทึกวุ่นวาย อันนี้เกรงว่าผู้เขียน "บอก" ตรงตัวไปหน่อยครับ ซึ่งอึกทึกมันจึงเป็นไปตามที่คนอ่านจะคิด เช่น บางคนคิดเป็นแบบทอทุงก้า กินเหล้า ขว้างไห บางคนคิดแบบดิสโก้ละครไทย เช่นนี้ มันทำให้อิมเมจของฉากที่แฟนตาซีดูมึน ๆ อยากให้ "แสดงให้เห็น" มากกว่าการบอกครับ เช่น บอกว่าผู้คนนั่งดื่ม...คีบเนื้อใส่ปากพลางหัวเราะร่า อะไรทำนองนี้ กรณีเช่นนี้ยังมีอีก เช่น บรรยากาศในกรงนิฟีนิกส์ มันดูเรียบไปหน่อย และยังมีส่วนอื่น ๆ ที่พึ่งพาปูมหลังของคนอ่านมากจนอิมเมจของเรื่องปนเปไม่เด่นชัด ขอหักอีกเยอะหน่อยครับ ขอไป 4 การบรรยายฉากต่อสู้ก็จัดว่าพอจะโอเค แม้จะมึนเล็กน้อยที่ "คุย" ระหว่างต่อสู้เยอะเหลือเกินครับ อันนี้แบบการ์ตูนเด็กพอได้ การ์ตูนผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีคุยหรอกนะครับ การเขียนบรรยายเช่นนี้มีข้อดีและข้อเสียตามแต่กลุ่มคนอ่าน ขอแจ้งให้ท่านผู้เขียนทราบแต่ไม่หักคะแนนครับ - คำผิด คำซ้ำ การใช้คำ [ 7/10] คำผิดมีแต่ไม่มาก เช่น ตอนที่ 1 ชื่อพ่อตัวเอกสะกดผิดจากกราเบียส เป็น การบียส บทที่ 5 มีคำว่า ไต่ถาม -> ไตร่ถาม มี แปล่ง -> แปร่ง ครับ ตัวอย่างเอาเท่านี้พอ ค่อย ๆ แก้ไขไปนะครับ การใช้ไม้ ๆ ผมแนะนำให้ใช้เว้นวรรคั่นหน้าและหลังอย่างละเคาะครับ ตามมาตรฐานราชบัณฑิต และเพื่อความง่ายในการอ่านครับ บางคำเลือกใช้ได้แปลก ๆ เช่นตอนเอนมะไปดูเจ้าซุนก้า เห็นใช้คำว่า "ตรวจสภาพ" มันทำให้รู้สึกเหมือนซุนจังเป็นเครื่องจักรเลยครับ น่าจะให้เป็น "เยี่ยมดู" หรืออะไรที่นุ่มนวลกว่าการตรวจสภาพสักหน่อยครับ ให้มันแสดงความสนิทสนมกับเจ้าของอย่างที่ซุนก้าเลียมือเอนมะในบทที่ 5 น่ะครับ รวมทุกอย่าง ผมขอหัก 3 คะแนนนะครับ ความน่าติดตาม [ 7/10] ด้วย เหตุที่แจ้งไว้ในการดำเนินเรื่อง ความยืดยาวของเรื่องทำให้บางทีขี้เกียจอ่าน ประกอบกับเรื่องที่อิงตามกระแสหลักของแนวแฟนตาซี ผมจึงรู้สึกว่ามันต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมแนวอย่างมากครับ ไม่อยากให้เรื่องนี้ถูกกลืนหายไปในคลื่นมหาสงครามออนไลน์ทั้งหลาย อยากให้มีจุดขายที่น่าสนใจกว่านี้ครับ ประกอบกับผลการพิจารณาเรื่อง Tag ของนิยาย อัตราการเข้าอ่านและวิจารย์เรื่องของคนอื่นค่อนข้างจะน้อย การโปรโมทเรื่องยังทำได้ "ไม่พอแข่ง" กับพวกระดับแนวหน้า อันนี้จึงขอติงไว้ว่าจะอยู่ในหมู่แฟนตาซีต้องแน่จริงและขยันโปรโมทครับ รวม ทุกสิ่ง ขอตัดไป 3 คะแนน รวม 72/100 อ่านน้อยลง
ranna | 27 พ.ค. 53
25
5
"บทวิจารณ์ The Dolls สงครามตุ๊กตาแ่ห่งพระเจ้า"
(แจ้งลบ)นิยายแฟนตาซีขนาดยาว 4 ภาคจบ เรื่อง The Dolls สงครามตุ๊กตาแห่งพระเจ้า ของ สเลเต ซึ่งขณะนี้จบภาคหนึ่ง คือ ภาค ตุ๊กตาสังหาร ซึ่งมีความยาว 20 ตอนจบ (รวมบทนำและบทส่งท้าย) หากจะกล่าวถึงภาพรวมของนิยายเรื่องนี้อย่างคร่าวๆ ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องราวของไฟสงครามระหว่างมวลมนุษย์ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง จนทำให้เกิดสงครามระหว่างอาณาจักรใหญ่สองแห่งของโลก ... อ่านเพิ่มเติม
นิยายแฟนตาซีขนาดยาว 4 ภาคจบ เรื่อง The Dolls สงครามตุ๊กตาแห่งพระเจ้า ของ สเลเต ซึ่งขณะนี้จบภาคหนึ่ง คือ ภาค ตุ๊กตาสังหาร ซึ่งมีความยาว 20 ตอนจบ (รวมบทนำและบทส่งท้าย) หากจะกล่าวถึงภาพรวมของนิยายเรื่องนี้อย่างคร่าวๆ ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องราวของไฟสงครามระหว่างมวลมนุษย์ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง จนทำให้เกิดสงครามระหว่างอาณาจักรใหญ่สองแห่งของโลกนี้ คือ เซน่อมและโคเลนอส โดยกลุ่มที่ตั้งตนเป็นเสมือนตัวแทนของพระเจ้า คือจีเซลกับกลุ่มอัครสาวกทั้ง 7 ร่วมกับเหล่าพวกดอลล์ที่เขาสร้างขึ้น เพื่อดำเนินงานสำคัญในการพิพาษาครั้งสุดท้ายต่อโลกมนุษย์แห่งนี้ สำหรับในภาคนี้ก็เป็นการเปิดตัวเหล่าดอลล์ว่าคืออะไร และสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ใด ขณะเดียวกันก็เปิดตัว เอนมะ ฮาคิริว เซนโรเคียร์ พระเอกของเรื่อง ที่ถูกดึงลงมาเป็นส่วนหนึ่งของสงครามในครั้งนี้ จนเขาถูกทำให้กลายเป็นตุ๊กตาสังหาร (ซึ่งก็พ้องกับความหายของคำว่า “เอนมะ” ในภาษาญี่ปุ่นด้วยที่หมายถึงยมทูต) ทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่ชอบการฆ่าฟันและสงคราม แต่เมื่อถูกบีบบังคับในทุกทาง เขาจึงลงมาร่วมด้วยอย่างเต็มตัว จนกลายเป็นตัวหมากสำคัญที่ส่งผลกระทบกับผู้ร่วมสงครามทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นโคเลนอส เซน่อม C-9 Wolf หรือ เหล่าดอลล์ เองก็ตาม เพราะเขาต้องการพลิกจากเป็นเพียงแค่หมายตัวหนึ่งในกระดาน มาเป็นผู้คุมการเดินหมากทั้งเกมนี้เอง ซึ่งคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าสงครามตุ๊กตาแห่งเทพเจ้าครั้งนี้จะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป แม้ว่า The Dolls สงครามตุ๊กตาแห่งพระเจ้า จะเป็นนิยายแฟนตาซีแนวสงคราม ซึ่งนับเป็นแนวยอดนิยมแนวหนึ่งของนิยายแฟนตาซีอยู่แล้ว แต่ความแตกต่างที่ สเลเต สร้างให้เรื่องนี้ต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ คือ การผสานแนวคิดทางคริสต์ศาสนาเข้ากับสงครามแฟนตาซีได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะใช้เรื่องราวของ “การพิพากษาครั้งสุดท้าย” (The Last Judgment) ซึ่งกลุ่มของจีเซลยึดเป็นภารกิจสำคัญที่พวกได้รับมอบหมายให้กระทำ ในที่นี้จะพบว่า สเลเต จงใจให้ตัวละครตัวนี้ชื่อจีเซล ซึ่งน่าจะต้องการสื่อถึงจีซัส หรือพระเยซู พระบุตรของพระเจ้า ผู้ที่ได้รับมอบหมายมาให้กระทำภารกิจสำคัญครั้งนี้ หรือการนำเรื่องราวของอัครสาวก (Archangels) ทั้ง 7 มาเป็นชื่อตัวละครสำคัญในกลุ่มของจีเซล เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของพวกเขา นอกจากนี้ยังใช้เรื่องราวระหว่างมิคาเอลกับลูซิเฟอร์ มาเป็นเงื่อนไขในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมิคาเอลกับเอนมะ (ซึ่งกลุ่มของจีเซลบอกว่าชื่อเดิมของเขาคือ ลูซิเฟอร์) แต่การนำเรื่องราวทางคริสต์ศาสนามาใช้บางครั้งก็ก่อให้เกิดคำถามเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องราวของเอนมะ ที่พยายามโยงให้เห็นว่าในอดีตเอนมะคือลูซิเฟอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยทรยศต่อพระเจ้ามาแล้ว ในเหตุการณ์นี้ดูประหนึ่งว่าในเรื่องพยายามให้เห็นกลายๆว่าเอนมะในอดีตเคยทรยศกับจีเซลมาแล้วครั้งหนึ่งเช่นกัน จึงเกิดคำถามว่าเอนมะที่เพิ่งอายุ 18 จะมีช่วงเวลาในอดีตตอนใดไปทรยศจีเซลได้ และถ้าทำได้จริงก็แสดงว่าเอนมะเป็นบุคคลอันตรายตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยหรือ เมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดจีเซลจึงไม่พยายามเอาตัวเอนมะกลับมาเป็นของตนโดยเร็ว แต่เพิ่งจะไปเอากลับมาเร็วๆนี้ ทั้งๆที่จีเซลมีทั้งอัครสาวกและกลุ่มดอลล์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติการที่ทรงพลังอำนาจที่ยากจะหามนุษย์คนใดมาต่อกรได้อยู่แล้ว นอกจากการผสานเรื่องราวแฟนตาซีเข้ากับแนวคิดบางประการในคริสต์ศาสนาแล้ว นิยายเรื่องนี้ยังมีความน่าสนใจอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นความสนใจของผู้อ่านด้วยการเปิดปมปริศนาและตัวละครปริศนาออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งปมเหล่านี้นับว่ามีผลกระทบสำคัญต่อการพัฒนาเรื่องราวของเรื่องต่อไป ในภาคนี้พบว่า สเลเต เปิดปมอันเป็นความลับที่ชวนให้ผู้อ่านต้องขบคิดและดึงดูดให้ตามอ่านต่อๆไปในหลายประเด็นนับตั้งแต่ ตัวตนที่แท้จริงของตัวละครหลายๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นเอนมะ จีเซล ลีอาร์ เลนทินอส (บุตรสาวของประธานธิบดีแห่งโคเลนอส) มิคาเอล หรือที่มีชื่อเดิมว่า ลิวเคียว และ คิริเนะ (แม่ของเอนมะและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง C-9 wolf) กับความลับของ C-9 Wolf (องค์กรต่อต้านสงครามที่ก่อตั้งขึ้นอย่างลับๆ) ทั้งยังมีเรื่องราวความลับในอดีตหนหลังของตัวละครหลายๆ ตัว เช่น ความผูกพันและแค้นระหว่างกราเบียส (อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเซน่อมและเป็นพ่อของเอนมะ) กับ ลิเคียว(ลูกชายของเพื่อนสนิทกราเบียสที่เข้าใจผิดคิดว่ากราเบียสเป็นผู้สั่งฆ่าครอบครัวเขาทั้งตระกูล) รวมไปถึงความทรงจำในอดีตระหว่างมิคาเอลกับเอนมะ และ ความสัมพันธ์ระหว่างจีเซลกับ เอนมะในอดีตด้วย ในอีกแง่หนึ่ง การสร้างคู่ตรงข้าม ก็นับว่าเป็นกลวิธีการเขียนที่ สเลเต เลือกนำมาใช้ในเรื่องก็ช่วยสร้างมิติให้กับเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากได้สร้างความสัมพันธ์ของคู่ตรงข้ามของตัวละครและกลุ่มตัวละครไว้ในหลายระดับ ทั้งในระดับองค์กรที่ส่งผลกับเรื่องในวงกว้าง เช่น ความขัดแย้งเซน่อมกับโคเลนอส ความขัดแย้งระหว่างเซน่อม โคเลนอส กับกลุ่มดอลล์ ความขัดแย้งระหว่าง C-9 Wolf กับกลุ่มดอลล์ หรือเอนมะกับกลุ่มดอลล์ทั้งหมด สำหรับในระดับบุคคลนั้นก็จะพบคู่ขัดแย้งที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเอนมะกับจีเซล เอนมะกับมิคาเอล มิคาเอลกับกราเบียส เป็นต้น คู่ขัดแย้งเหล่านี้ต่างก็พัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของตนไป พร้อมๆ กับเนื้อเรื่อง ซึ่งการปะทะกับในแต่ละครั้งของคู่ขัดแย้งเหล่านี้มักจะส่งผลทางอารมณ์ให้กับเรื่องและผู้อ่านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธแค้น ผิดหวัง หรือ หม่นเศร้า อันช่วยให้นิยายเรื่องนี้มีครบรส ทั้ง รัก ตลก สนุก สุข เศร้าเคล้าน้ำตา อีกทั้ง ในตอนท้ายก่อนที่จะจบภาคนี้ สเลเต สามารถที่จสรุปไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า “ตุ๊กตาสังหาร” ที่ต้องการกล่าวถึงคือใคร และยังเปิดประเด็นที่จะส่งต่อไปยังภาคต่อไป คือ พระเจ้าจอมปลอม ไว้อย่างน่าติดตาม ซึ่งการทิ้งท้ายไว้เช่นนี้ก็ก่อให้ฉุกใจย้อนคิดถือความสะดุดใจในเบื้องต้นเมื่อได้อ่านชื่อเรื่องว่าเห็นเรื่องของ The dolls สงครามตุ๊กตาแห่งเทพเจ้า เพราะถ้าตีความตามตัวอักษรที่ สเลเต ชี้นำไว้ก็น่าจะหมายถึง กลุ่มดอลล์ที่ถูกสร้างขึ้นโดย จีเซล แต่โดยส่วนตัวคิดว่าคำๆนี้น่าจะมีความหมายแฝงที่กินความหมายกว่าเหล่าดอลล์ของ จีเซลเป็นแน่ หากจะให้เดา The dolls ตุ๊กตาแห่งเทพเจ้า น่าจะรวมความทั้งมนุษย์โลกที่พระเจ้าสร้างขึ้นจริง และรวมถึงเหล่าดอลล์ที่จีเซลสร้างขึ้นด้วย ในส่วนของการเขียนนั้นพบว่า สเลเต สามารถที่จะสร้างบทบรรยายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการบรรยายฉาก ตัวละคร หรืออาวุธแปลกๆใหม่ๆ ได้อย่างละเอียดและช่วยให้ผู้อ่านนึกภาพตามได้ไม่ยากนัก อีกทั้งบทสนทนาก็ที่นำเสนอก็สามารถส่งต่อและถ่ายทอดตัวอารมณ์ของตัวละครได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันบทสนทนาเหล่านั้นก็ช่วยสร้างความผูกพันและความคุ้นเคยระหว่างผู้อ่านกับตัวละครได้อีกด้วย ซึ่งขับเน้นให้ตัวละครแต่ละตัวมีตัวตนที่ชัดเจนขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ในการเขียนก็ยังมีคำผิดอยู่บ้าง เช่น จุดจบ เขียนเป็น จุบจบ กะพริบตา เขียนเป็น กระพริบตา คลุมเครือ เขียนเป็น ครุมเคลือ ค็อกเทล เขียนเป็น คอร์กเทล อุทธรณ์ เขียนเป็น อุธรณ์ อีกทั้งพบว่าบ่อยครั้ง สเลเต จะมีปัญหากับคำที่สะกดด้วยวรรณยุกต์ตรีหรือไม้ตรี เช่น ฮะ หรือ หา เขียนเป็น ห๊ะ มั้ย เขียนเป็น มั๊ย ฟ้าแลบ เขียนเป็น ฟ้าแล๊บ จึงอยากจะให้หลักง่ายๆในการเขียนคำในกลุ่มนี้ว่า พยัญชนะที่จะสามารถใช้รูปวรรณยุกต์ตรีและจัตวาได้นั้นมีเพียงอักษรกลางเท่านั้น ซึ่งอักษรกลางที่ว่านี้มีเพียง 9 ตัว คือ ก จ ด ต ฎ ฏ บ ป และ อ ในที่นี่มีชื่อตัวละครตัวหนึ่งที่อยากเสนอให้เปลี่ยนวิธีสะกดจาก เอล็กซิส เป็น อเล็กซิส น่าจะถูกต้องมากกว่า สำหรับข้อบกพร่องที่เด่นที่สุด คือ ปริมาณตัวละครจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะฝ่ายเอนมะ ที่เปิดตัวละครกลุ่มใหม่ๆ อยู่เสมอ และชื่อตัวละครก็ยังจำยากอีกด้วย นอกจากนี้ สเลเต มักจะเปิดตัวละครพร้อมๆกันหลายตัว และแต่ละตัวก็มีบทบาทในช่วงนั้นๆไม่ยาวนัก ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสนในการจำตัวละครด้วยเช่นกัน นอกจากนี้อยากเสนอว่าคำอธิบายเพิ่มเติมที่ สเลเต มักจะไปเขียนไว้ในช่วงท้ายเมื่อนิยายจบตอนแล้วหลากตอน น่าจะใส่เข้าไปไว้ในตัวเนื้อของนิยายตอนนั้นได้เลย ก็จะช่วยขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความหมายหรือขยายความสิ่งใหม่ๆที่สร้างขึ้นหรือเอ่ยถึง เช่น ไฟว์ (ตอนที่ 5) โฮโลแกรม (ตอนที่ 9) และ ปืนใหญ่ดาร์คมาเธอเลี่ยน (ตอนที่ 13) ด้วยเหตุนี้จะ เห็นว่าข้อบกพร่องที่พบไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก ก็จะช่วยให้เรื่องถูกต้องและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ---------------------------------- อ่านน้อยลง
bluewhale | 29 ธ.ค. 53
22
1
ดูทั้งหมด
"The Dolls สงครามตุ๊กตาแห่งพระเจ้า"
(แจ้งลบ)ชอบภาค1กับภาค2มาก แต่พอมาภาคแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะเอนมะไม่ค่อยเหมือนกับ2ภาคแรก แบบเปลี่ยนมากเกินไป 2ภาคแรกยังไม่ทราบว่าใครคือนางเอก แต่ชอบ2ภาคแรกมากกว่า เพราะไม่มีนางเอกดูมันตื่นเต้นกว่า หรือไม่ก็อยู่คนเดียวเลย พอมีนางเอกแล้ว เอนมะก็ต้องคอยห่วง ปกติแล้ว นางเอกมักจะเป็นภาระของพระเอก ทำให้เหมือนพระเอกอ่อนแอลง ยิ่งกับเอนมะ รู้ว่าเปลี่ยนไปมา ... อ่านเพิ่มเติม
ชอบภาค1กับภาค2มาก แต่พอมาภาคแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะเอนมะไม่ค่อยเหมือนกับ2ภาคแรก แบบเปลี่ยนมากเกินไป 2ภาคแรกยังไม่ทราบว่าใครคือนางเอก แต่ชอบ2ภาคแรกมากกว่า เพราะไม่มีนางเอกดูมันตื่นเต้นกว่า หรือไม่ก็อยู่คนเดียวเลย พอมีนางเอกแล้ว เอนมะก็ต้องคอยห่วง ปกติแล้ว นางเอกมักจะเป็นภาระของพระเอก ทำให้เหมือนพระเอกอ่อนแอลง ยิ่งกับเอนมะ รู้ว่าเปลี่ยนไปมากเลย แต่ไรต์จะแต่งยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของไรต์แต่ ภาค3อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้อะ เอนมะตอนแรก น่ารักใสๆ แต่นี้ดูผู้ใหญ่เกิน ภาค1กับ ภาค2 ไม่ค่อยได้เม้นต์แต่ เพราะ เนื้อเรื่องสนุกมาก อยากรู้ว่าจะเกิดไรขึ้นต่อ จึงไม่ได้เมนต์ เป็น เพราะ นิยาย ของไรต์สนุกมากคะ ชอบเอนมะมากด้วย อ่านน้อยลง
Princess Yumi | 7 มี.ค. 57
1
1
"แค่จะกล่าวละเออ"
(แจ้งลบ)จะบอกว่าข้าไม่ใช่นักวิจารณ์มืออาชีพแหละเออ แค่ออกมาพูดในนามคนอ่านที่ติดตามมาหลายปี(ตั้งแต่เมื่อใดข้าลืมไปแล้วละเออ) เนื้อเรื่องนี้ดำเนินโดยเด็กหนุ่มเอ็นมะที่แสดงการวิวัฒนาการของเจ้าเด็กคิขุมาตั้งแต่ภาคแรกยันภาคล่าสุด การดำเนินเรื่องที่มีออกมาหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เลือดสาด โรคจิต เจ็บปวดแบบดาร์คๆ(สนองอารมรณ์คนอ่านยิ่งนัก นอกเรื่องแล้วเออ) หรือหวานแหว ... อ่านเพิ่มเติม
จะบอกว่าข้าไม่ใช่นักวิจารณ์มืออาชีพแหละเออ แค่ออกมาพูดในนามคนอ่านที่ติดตามมาหลายปี(ตั้งแต่เมื่อใดข้าลืมไปแล้วละเออ) เนื้อเรื่องนี้ดำเนินโดยเด็กหนุ่มเอ็นมะที่แสดงการวิวัฒนาการของเจ้าเด็กคิขุมาตั้งแต่ภาคแรกยันภาคล่าสุด การดำเนินเรื่องที่มีออกมาหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เลือดสาด โรคจิต เจ็บปวดแบบดาร์คๆ(สนองอารมรณ์คนอ่านยิ่งนัก นอกเรื่องแล้วเออ) หรือหวานแหววน่ารักจากหนูลีอารห์ หรือความฮาจากพวกเกรน หรือจะเป็นเจ้าพี่ติดน้องลิเคียว หรือเทพเจ้าบ้าสามหน่อคงกระพัน แลดูเนื้อเรื่องตอนแรกเข้ามาอ่านไม่ได้หวังไรมากแค่ไม่มีไรทำ แต่ใครจะรู้ว่ายิ่งอ่านมันก็ยิ่งติดสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านแบบต้องยึดว่า ภาษาเจ๋งเวอร์ มันส์โฮก หวานพิกัด หรือคาดหวังในแบบแฟนตาซี รร.ปกติ เนื้อเรื่องของThe Dolls จะสนองทุกความต้องการได้อย่างลงตัว จากภาษาที่อาจจะติดขัดก็เริ่มไหลลื่นพัฒนาไปในตัวทั้งการวางปมที่ทำได้น่าหมั่นไส้จนต้องกลับมาอ่านต่อ และความดาร์คตัดจบฉึกๆที่ชวนติดตาม อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้จะไม่ทำให้ใครผิดหวังถ้าจะตามอ่านมันต่อ ทุกภาคมีช่วงเวลาและความลงตัวของมันรวมทั้งการเติบโตของตัวละครและปมที่สร้างขึ้น บอกเลยนะเออ เรารักเรื่องนี้ละเออ ไม่ผิดหวังที่ตามติดอ่านมาหลายปี แม้จะผุบๆโผล่ๆมานานๆทีนะเออ อ่านน้อยลง
CHRYSALIS (S.STEEL) | 13 พ.ค. 56
1
1
ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น